วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

10 อันดับ ตำนานน่ากลัวของโลก


อันดับ 10 เพชรโฮป (Hope Diamond) เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 1600 โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! และก็จริงตามคําสาปครับ นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคลจนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทนครับ อันดับ 9 วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวรา, โปรตุเกส

ส่วนที่เหลือ วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย! ตํานานวัดระบุว่า ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้ ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิครับ ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง อันดับที่ 8 ละครเรื่อง แม็คเบ็ธ (Macbeth) ของเชคสเปียร์ ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไป-หากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบทแม็คเบ็ธ ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา อันดับ 7 คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ สกอตแลนด์ ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่าเขา ขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอด เขาแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า "ปล่องไฟปีศาจ" และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย "ปล่องไฟปีศาจ" ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว! อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการ จัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า บลัดดี้มารีทัวร์ ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ครับ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร) ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้ อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน สรุปสั้นๆแค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์ นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัย อันควรทั้งนั้น ตุตันคาเมน เป็นฟาโรห์หนุ่มที่ถูกกล่าวถึงกันมากในเรื่องอาถรรพ์จากคำสาปที่นักบวชแดนไอย์คุปต์บรรจงสลักไว้ในสุสานของพระองค์ ข้อความคลังเปี่ยมด้วยอาถรรพ์ที่ว่า "มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์" ทำให้มีการตายอย่างน่าพิศวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อกันว่า ความตายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์คำสาป นับแต่สุสานถูกเปิดเมื่อปี 1922 ผู้ร่วมพิธีเปิดเสียชีวิตไป 22 คน และเล่ากันว่า นับจากนั้นมาแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร หากครั้งใดที่ฟาโรห์ตุตันคาเมนถูกรบกวนก็ย่อมจะมีผู้ที่สังเวยต่อคำสาปอันลี้ลับนี้เสมอมา รวมถึงลอร์ดคาร์นาร์วอน เจ้าของทุนในการขุดค้นสุสานก็เสียชีวิตลงหลังจากถูก "ยุงกัด" "ตุตันคาเมน" เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 10 พรรษา ทรงเป็นกษัตริย์อียิปต์โบราณในช่วงปี 1334 - 1323 ก่อนคริสตกาล ภายหลังขึ้นครองราชย์ได้เปลี่ยนพระนามเป็น "ตุตันคามุน" พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนม์เพียงแค่ 18 พรรษาโดยไม่ทราบสาเหตุแต่เชื่อกันว่าฟาโรห์หนุ่มองค์นี้ถูกลอบปลงพระชนม์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวออกมาแย้งว่าจากการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่พบว่าพระองค์น่าจะสิ้นพระชนม์จากบาดแผลที่ติดเชื้อมากกว่าถูกลอบปลงพระชนม์ ด้วยระยะเวลาอันสั้นในการครองราชย์ทำให้ทรงไม่มีภารกิจใดมากนัก นอกจากนั้นหลังสิ้นพระชนม์ทรงถูกกษัตริย์องค์ต่อมาลบทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งพระนามของตุตันคาเมนออกจากรายนามพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ทำให้ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดรู้จักพระนามของพระองค์เลย จนกระทั่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1922 โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ และลอร์ด คาร์นาวอน ชาวอังกฤษค้นพบสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก พวกเขาเป็นสองคนแรกที่เข้าไปในสุสานของตุตันคาเมนในรอบ 3,000 ปี ในห้องที่พวกเขาพบเต็มไปด้วยทองคำและของมีค่ามากมาย ซึ่งเจ้าของของสิ่งมีค่าเหล่านี้คือฟาโรห์หนุ่มที่มีพระนามว่า "ตุตันคาเมน" นั่นเอง เนื่องจากพระศพและสุสานที่สร้างขึ้นไม่ได้สลักชื่อว่าเป็นของกษัตริย์ เลยรอดพ้นเงื้อมมือโจรที่คอยปล้นและทำลายสุสานไปได้ จึงทำให้ทุกอย่างยังคงสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่กระนั้น พระองค์ก็ยังทรงไม่วายถูกรบกวนหลังจากโลงพระศพถูกเปิด อาถรรพ์ของคำสาปจึงเป็นเกราะอย่างหนึ่งที่จะทำให้ฟาโรห์ตุตันคาเมนทรงได้พักผ่อนอย่างสงบตลอดกาล อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาท ลอนดอน (Tower of London) ป้อมปราสาทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะถูก ใช้เป็นที่คุมขังและ ประหารบุคคลสําคัญๆ ของอังกฤษมากมาย หลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกา จํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่า ถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน นครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่ง อังกฤษ! เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสาร ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วยนะครับ ไม่ใช่ เรื่องเลื่อนลอยแต่ อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยาม หรือกษัตริย์ถือเป็น เรื่องจริงจังอ ย่างเคร่งครัด เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่ มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ ใน ค.ศ. 1979 มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง เชื่อกันว่าตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เพราะนํ้าจะสามารถสื่อ ไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมันครับ อันดับ 2 คําสาป วัฏจักรมรณกรรม ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่ มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่า ผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813 ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840 ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ลิน-คอล์น (1860) การ์ฟิลด์ (1880) แม็คคินลีย์ (1900) ฮาร์ดิ้ง (1920) รูสเวลท์ (1940) เคนเนดี้ (1960) เพิ่งมีรอดรายเดียวคือ ปธน. เรแกน (1980) แต่ท่านก็ถูกมือปืนชื่อ จอห์น ฮิงค์ลีย์ ยิงบาดเจ็บสาหัสในปี 1981 นัยว่าปืนที่ใช้นั้นไร้ประสิทธิภาพ ท่านจึงรอดพ้น อาถรรพณ์มาได้อย่างหวุดหวิด อันดับ 1 คําสาปในสวนอีเดน (Garden of Eden) นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลยครับ โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ก็อดทรงเสกอาดัม-มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนอีเดน พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่ง ความรู้หรือแอปเปิ้ล แต่ X งูตัวแสบซิครับ มันยุยงอีฟให้หมํ่า แอปเปิ้ลเข้าไป หมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้า ก็เป็นเรื่องซิครับ โดย X งูจอมแสบ โดนสาปให้ไปไหนมาไหน ด้วยการ ใช้ท้องไถไป อีฟโดนสาปให้คลอดลูก ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ส่วนอาดัมต้องทํางานหา เลี้ยงท้องอย่าง เหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิต ซึ่งคําสาปมหากาฬนี้ก็ตกทอดมาถึงพวกเราทุกคนกระทั่งทุกวันนี้

Read More

รัฐธรรมนูญมีประวัติมายาวนาน

รัฐธรรมนูญมีประวัติมายาวนาน แต่มีหลักฐานชัดเจนในประเทศอังกฤษ สมัยพระเจ้าจอห์น ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย และใช้อำนาจอย่างไม่มีขอบเขต ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1215 ขุนนางและพระราชาคณะจำนวน 25 คน ได้บังคับให้พระเจ้าจอห์นลงนามในเอกสารที่เรียกว่า "มหาบัตร" (The Great Charter, Magna Carta) ซึ่งเป็นสัญญาระหร่างพระมหากษัตริย์กับขุนนางและพระ โดยในมหาบัตรได้กำหนด

ส่วนที่เหลือ ถึงองค์การ และอำนาจของสภาใหญ่ (Magnum Concillium) และกำหนดว่าพระมหากษัตริย์จะเก็บภาษีบางอย่างตามที่กำหนดไว้ โดยมิได้รับความเห็นชอบจากสภาใหญ่มิได้ จะจับกุมคุมขังบุคคลได้ก็ต่อเมื่อ มีคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย มหาบัตรนี้ นักกฎหมายบางท่านเห็นว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับแรก ต่อมาในปี ค.ศ. 1776 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศอิสรภาพ จากการเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ และในปี ค.ศ.1789 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ (The Constitution of United States) รัฐธรรมนูญนี้ได้มีการวางกฎเกณฑ์ในการปกครองประเทศ อำนาจและหน้าที่ขององค์กรปกครองต่างๆ ในประเทศอย่างเป็นระเบียบ โดยมีการแยกองค์กรการปกครองประเทศออกเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ซึ่งรู้จักกันในนาม "หลักการแบ่งแยกอำนาจ" (Seperation of Power) มีการบัญญัติให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และยอมรับอำนาจสูงสุดของประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา โดยเรียกว่า "อำนาจอธิปไตย" (Sovereignty) การจัดทำรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯนี้ เป็นต้นแบบให้ประเทศต่างๆ เอาเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สเปน เป็นต้น นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกายังเป็นการนำเอาแนวคิดของ นักปรัชญาที่ถกเถียงกันอย่างเป็นนามธรรมมาบัญญัติ ไว้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกอำนาจ หลักอำนาจอธิปไตย หลักสัญญาประชาคม ด้วยเหตุนี้เอง นักกฎหมายบางท่านจึงเห็นว่า รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา เป็นรัฐธรรมนูญอันเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโลก และเป็นอนุสาวรีย์แห่งกฎหมายมหาชน

Read More